การฟังเพลงคลาสสิกเพื่อสุขภาพที่ดี

โดยปรกติแล้วการฟังเพลงถือเป็นการพักผ่อน ให้ความบันเทิงเริงรมณ์และสุทรีย์อยู่แล้ว แต่ถ้าในยามที่คุณเครียดหรือเหนื่อยล้าจากการทำงานลองเปลี่ยนแนวเพลงจากเดิม ที่เคยฟังเป็นประจำมาเป็นดนตรี Classic ดูบ้าง รับรองว่าช่วยลดความเครียดที่เป็นตัวก่อให้เกิดความไม่สบายกายไม่สบายใจ และปัญหาโรคอื่นๆ ตามมาได้อย่างแน่นอน เวลานั่งที่ฟังเพลง Classic ให้ลองนั่งนิ่งๆ หลับตาสักพัก ปล่อยใจ ไปกับจินตนาการที่เกิดจากทำนองเพลง แล้วค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ โดยฟังสักประมาณ 2 เพลงจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและช่วย Refresh สมองให้สดชื่นขึ้นได้อย่างดี ลองหาเวลาพัก ใส่ใจกับความสุข แล้วดูแลตัวเองนะคะ

Tips การฟังเพลงเพื่อความผ่อนคลาย ให้เลือกเป็นเพลงบรรเลงเบาๆ ช้าๆ ดีกว่าเพลงเร็วและมีเนื้อร้อง เพราะเพลงที่มีเนื้อร้องจะทำให้เราคิดตามเนื้อเพลง ในขณะที่เป็นเพลงบรรเลงจะทำให้เราปล่อยความคิดและใจไปตามทำนองเพลงได้อย่างอิสระกว่า การฟังเพลง Classic ครึ่งชั่วโมง / 1วัน ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตอ่อนให้กลับลดลงได้

ในร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำมากถึงสามในสี่ ดังนั้นหลายทฤษฎีทางการแพทย์จึงให้ความสำคัญในการกระตุ้น รักษาสมดุลการทำงานของน้ำในระดับโมเลกุล หนึ่งในนั้นคือการเชื่อว่า ถ้าสามารถทำให้โมเลกุลน้ำมีการเรียงตัวกันอย่างสมบูรณ์ในลักษณะผลึกหก เหลี่ยม จะทำให้การนำพาอาหารเข้าสู่อวัยวะต่างๆ เป็นไปอย่างทรงประสิทธิภาพ และทำให้ร่างกายแข็งแรง ปราศจากสาเหตุโรคภัย เครื่องมือสำคัญที่ราคาถูกและให้ผลทั้งในแง่อารมณ์ควบคู่ไปกับกายภาพคือ การใช้เสียงดนตรี และนี่คือเคล็ดลับ และหลักการที่คุณควรรู้และเริ่มทำ

คลื่น เสียงมีอิทธิพลต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าภายในร่างกายมนุษย์ อวัยวะใดที่มีคลื่นความถี่ต่ำก็มักเกิดการสะสมของสารพิษได้ง่าย ดังนั้น การฟังดนตรีที่เหมาะสมจึงช่วยกระตุ้นความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้ทำงาน สมดุล สม่ำเสมอ จังหวะและเสียงดนตรีจึงมีอิทธิพลต่อจิตใจและสมองของคนเราอย่างมาก การรับฟังดนตรีที่มีความไพเราะอยู่เสมอ จะทำให้สมองหลั่ง สารแห่งความสุข ช่วยลดความตึงเครียดทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ทำให้เกิดสมาธิ มีจิตใจสงบ ระบบหัวใจ ระบบขับถ่าย ระบบหายใจทำงานได้ดี ความดันโลหิตเป็นปกติ ทำให้เกิดภูมิต้านทานต่อโรค รอดพ้นจากความเจ็บป่วย

นักวิจัยชาวญี่ปุ่นพบว่า หาก ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานประเภทท่องจำ ท่องบทต่างๆ ควรฟังดนตรีประเภทเขย่าครึกโครม หรือดนตรีระบบใหม่ๆ เช่น แนวเพลงป๊อป ร็อค แร็พ ควบคู่ไปด้วย จะช่วยให้สมองสามารถจำได้ง่ายและเร็วขึ้น ส่วน การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเขียนบทความ นิยาย แถลงการณ์ ควรฟังดนตรีแนวคลาสสิก ที่มีสำเนียงเยือกเย็นคลอในระหว่างทำงาน จะเพิ่มจินตนาการและสมาธิ สำหรับงานคิดคำนวณ งานบัญชี งานรวบรวมเอกสาร หรือวัตถุดิบ ควรฟังเพลงพวกเครื่องสาย เช่น ไวโอลิน กีต้าร์ ที่ช่วยกระตุ้นระบบสัมผัส

ในด้านการแพทย์ มักแนะนำให้ใช้เสียงดนตรีกระตุ้นทารกในครรภ์มารดา ผลปรากฏว่าเด็กมีปฏิกิริยาตอบรับกับเสียงเพลง ทั้งทางพฤติกรรมและร่างกายที่ดี เสียงเพลงที่นุ่มนวลจะทำให้เด็กมีอาการสงบเงียบ ร่างกายเจริญเติบโตขึ้น และยังช่วยให้ระบบหายใจและระบบย่อยอาหารดีขึ้น นอกจากนี้การนำเสียงดนตรีมาบำบัดรักษาผู้ป่วยปัญญาอ่อน โดยเฉพาะการใช้ดนตรีสดหรือบรรเทาความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดของผู้ป่วยใน 48 ชั่วโมงแรก ผลปรากฏว่าช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายภาวะทางอารมณ์ และช่วยทุเลาอาการเจ็บปวดได้ดี

การฟังเพลงคลาสสิคจะช่วยในเรื่องสุขภาพและจิตใจของเรา

ผลการวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ก็ได้รายงานสอดคล้องต้องกันถึงประโยชน์ของดนตรีในฐานะที่อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อความฉลาดของมนุษย์ แต่ต้องเป็นดนตรีที่เกิดจากการฟังอย่างตั้งใจ หาใช่เพียงแค่การได้ยิน  ทั้งนี้เพราะการฟังอย่างตั้งใจนั้นจะทำให้เราได้มีโอกาสพิจารณา จำแนก และวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบความเป็นทางการหรือเนื้อหาที่ผ่อนคลายและแนวดนตรี  ซึ่งประโยชน์ของดนตรีในแง่ของการเสริมสร้างความฉลาดนี้ดำเนินไปในลักษณะเดียวกับการออกกำลังกายที่สามารถพัฒนาการทำงานของสมองน้อยได้ด้วยการเพิ่มข้อมูลสำเร็จรูปของประสบการณ์ การเคลื่อนไหว ความรู้สึก อารมณ์ การวิเคราะห์ ความสามารถในการจดจำ เปรียบประดุจการสะสมทรัพย์อันมีค่า เมื่อต้องการก็หยิบออกมาใช้ได้อย่างทันท่วงทีและเป็นทุนรอนสำหรับการลงทุนเพื่อเพิ่มทรัพย์ในครั้งต่อไป ถ้าเป็นเช่นนี้คงต้องรีบแสวงหาดนตรีที่เหมาะสมมาใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองและคนที่เรารัก และหลีกเลี่ยงดนตรีที่ไม่เหมาะสม  เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับชีวิตนอกจากนี้ต้องกระตุ้นการพัฒนาศักยภาพของสมองส่วนอารยะ หรือ ส่วนที่เรียกว่า neocortext   ด้วยดนตรีคลาสสิกประจำพูสมอง เพื่อกระตุ้นการพัฒนาศักยภาพของพูสมองแต่ละส่วน เพื่อพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ของสมองส่วนปัญญาเหล่านั้น

ดนตรีในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นดนตรีคลาสสิคที่ให้คลื่นเสียงอัลฟ่าแก่สมอง คลื่นเสียงจะมีพลังกระตุ้นสูงต่อพูสมองส่วนพาไรทัล และระบบประสาทอัตโนมัต ทำให้เกิดการปรับคลื่นสมองเข้าสู่คลื่นอัลฟ่า,สร้างความสงบและทำให้เกิดการพัฒนาสมาธิในระดับสูง นอกจากนั้นยังพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ จินตภาพ ทักษะด้านคณิตศาสตร์  ความรู้สึกสัมผัส  ความลึกซึ้งในสุนทรียภาพทางดนตรี  และจินตนาการเกี่ยวกับตำแหน่งและเนื้อที่ของวัตถุในระบบสามมิติ Spatial temporal reasoning เนื่องจากดนตรีคลาสสิกกลุ่มนี้จะมีอิทธิพลต่อทักษะการคิดวิเคราะห์เหตุผลเชิงความสัมพันธ์สิ่งต่างๆ(spatial-temporal reasoning)ได้มีความเชื่อว่าความทรงจำจะสามารถถูกเพิ่มพูนได้เพราะว่า ดนตรีและความสามารถของทักษะด้านมิติสัมพันธ์และการจินตนาการเกี่ยวกับตำแหน่งและเนื้อที่ของวัตถุในระบบ 3 มิติ และทักษะความฉลาดในการใช้ช่องว่าง(spatial abilities) ภายในสมอง จะมีความสัมพันธ์ร่วมในทางเดินเดียวกันภายในสมอง  ดังนั้นพวกเขาจึงสรุปว่าดนตรีจะมีส่วนในการช่วยกระตุ้นสมองสำหรับการทดสอบด้วยแบบทดสอบวัดทักษะเหตุผลด้านมิติสัมพันธ์(  the spatial reasoning test) ซึ่งจะทำให้มีเชาว์ปัญญาดีขึ้น ทางด้าน spatial-temporal หรือด้านการจิตนาการและการลำดับเวลา ซึ่งเป็นข้อบ่งบอกความเฉลียวฉลาดของคน

การฟังเพลงเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดี ที่ไม่ใช่แค่ครื้นเครงอย่างที่คิด


การฟังเพลง มีประโยชน์เพื่อผ่อนคลายความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก่อให้เกิดสมาธิ เราจึงควรหาโอกาสฟังเพลง โดยเลือกเวลาที่ว่างหรือเวลาที่ไม่รีบเร่ง หรือไม่ต้องใช้ความคิด เช่น เวลารับประทานอาหาร ระหว่างการเดินทาง ขณะพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือขณะทำงานบ้าน เป็นต้น หากจะใช้ในที่ทำงาน ควรเลือกเวลา สถานที่และโอกาสที่เหมาะสม เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้อื่น และควรมีเทปเพลงที่ชื่นชอบหรือโปรดปราน ติดไว้เพื่อหยิบใช้ได้สะดวกทุกเวลาที่ต้องการ

เราสามารถเริ่มต้นการฟังเพลงได้ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า เราอาจจะมีวิทยุสักเครื่อง หยิบวิทยุเข้าไปฟังเพลงในห้องน้ำ เปิดเพลงเพราะๆ เสียงใสๆ ทำให้เรามีชีวิตชีวาแจ่มใส กระปรี้กระเปร่า ขณะเราออกเดินทางไปทำงานควรฟังเพลงช้าที่มีเสียงร้องที่กังวานแจ่มใส ขณะที่ทำงาน ควรฟังเพลงบรรเลง ซึ่งจะช่วยทำให้บรรยากาศทำงานสดชื่นขึ้น

ขณะออกกำลังกายควรเลือกเพลงที่มีจังหวะเร็ว จะช่วยทำให้อยากจะออกกำลังกายมากยิ่งขึ้นและออกกำลังได้เป็นเวลานาน การออกกำลังกายที่ดีควรมีการวอร์มร่างกายก่อน โดยออกกำลังกายเบาๆ โดยใช้เพลงจังหวะปานกลาง แล้วจึงค่อยเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็วมากขึ้น และกลับมาเป็นจังหวะปานกลางอีกครั้ง การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ คือ จะต้องมีอัตราชีพจรประมาณ 70% ของอัตราชีพจรสูงสุดของคนคนนั้น (220 ลบด้วยอายุ) จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ลดไขมันส่วนเกิน และยังช่วยให้อารมณ์สดชื่นแจ่มใสขึ้นอีกด้วย ถ้าหากมีเหนื่อย ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟินออกมาเพื่อทำให้เกิดความสุข ในเวลาแบบนี้ เพลงช่วยทำให้เกิดความเพลิดเพลิน ทำให้เกิดความสำเร็จในการออกกำลังกาย

การฟังเพลงให้มีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. คุณภาพของเพลงที่ฟัง ตลอดจนเครื่องเล่นเสียงที่ถ่ายทอดเพลงออกมา
2. สถานที่ที่เหมาะสมในการฟังเพลง ซึ่งจะช่วยให้ฟังเพลงได้ไพเราะขึ้น สร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับผู้ฟัง
3. โอกาสควรเป็นช่วงที่ว่าง เป็นเวลาที่ผู้ฟังมีความพร้อมที่จะฟังเพลงและมีอารมณ์มากที่สุด
4. ระยะเวลาการฟังเพลงที่เหมาะสม ถ้าฟังเพลงนานมากเกินไป จะทำให้เกิดความเบื่อ เหนื่อย และเมื่อยล้าได้ เพราะประสาทการรับฟังจะทำงานมากไป
5. ระดับการรับรู้และอารมณ์ของผู้ฟัง ประเภทของเพลงที่ฟังควรเป็นเพลงที่ไพเราะและมีความสร้างสรรค์ ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่ดี หลีกเลี่ยงเพลงทำนองเศร้า หดหู่ หรือก่อให้เกิดความตึงเครียด สับสน รำคาญ ตื่นเต้นตกใจ เหนื่อย ดังนั้นเพลงที่มีจังหวะช้าและจังหวะปานกลาง จะได้รับความนิยมมาก เนื่องจากสามารถฟังได้หลายโอกาส

เพลงคลาสสิกทำให้ฉลาดและรักษาโรค

เพลงทำให้สมองดีขึ้น ในโอกาสนี้อยากจะชี้ให้เห็นถึงผลของการฟังเพลงที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพจิตและสมอง ซึ่งเพลงประเภทนี้คงไม่ใช่เพลงประเภทแร็พ,ร็อค,ดิสโก้ แต่เป็นเพลงคลาสสิกที่ช่วยพัฒนาสมองและรักษาโรค เรามาดูกันดีกว่าว่าช่วยได้อย่างไรบ้าง

1 .เพลงคลาสิคช่วยให้สมองดีขึ้น โดยให้นักศึกษาฟังเพลงคลาสสิค SONATA IN (K.448) เปียโนคู่ของโมสาร์ท (เล่นสองคน) ใช้สมาธิฟัง 10 นาที ผลปรากฏว่านักศึกษาทุกคนสามารถผ่านการทดสอบโดยมีไอคิวสูงขึ้น 9 แต้ม

คำกล่าวของ ฟราสซิส รอเชอร์ นักค้นคว้าทางปราสาทชีววิทยา ค้นพบว่าเพลงร็อคและป็อปที่เป็นที่นิยมอยู่ในอเมริกาทั้งกลางวันและกลางคืน (วิทยุ,โทรทัศน์, แผ่นเสียง,วิทยุในรถยนต์)ดนตรีเหล่านี้มีผลต่อสติปัญญาของมนุษย์ในด้านลบ คือจังหวะดนตรีกระแทกกระทั้น ซ้ำซาก ให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม คือ จะไปทำลายเซลของมันสมองมากกว่าส่งเสริม

2 .เพลงคลาสสิคที่ดีช่วยผู้ป่วยพิการ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดของญี่ปุ่น MR.TAKEOMI AKABOSHI ได้ใช้ดนตรีบำบัดผู้ป่วยพิการให้สามารถเคลื่อนไหวแขนขาได้ อีกทั้งช่วยคลายความเศร้า หงอยเหงา เราจึงเห็นว่าดนตรีสามารถบำบัดรักษาโรคได้

3.ดนตรีใช้ในห้องผ่าตัด หมอแน็ช หนึ่งในจำนวนแพทย์หลายคนใช้ดนตรีเปิดในห้องผ่าตัด ซึ่งสามารถรักษาคนไข้ได้ดีทีเดียว

4.ดนตรีทำให้โรคหายเร็ว หมอแมทธิวเอช ลี รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ผู้ติดยาเสพติด มหาวิทยาลัยแพทย์แห่งนิวยอรค์ กล่าวว่า เราพบว่าดนตรีให้ประโยชน์อย่างมากในการช่วยป้องกันปัญหายุ่งยากต่าง ๆ ของคนไข้ ช่วยให้อาการของคนไข้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก และทำให้นอนพักอยู่ในโรงพยาบาลน้อยลง ดนตรีที่ดีจะช่วยลดอาการตื่นเต้น และหดหู่ใจ

5.ดนตรีกับเด็กพิการทางสมอง รูธ ลี แอดเลอร์ นักดนตรีบำบัดเด็กในโรงเรียนแห่งหนึ่งในสหรัฐ ซึ่งมีปัญหากระทบด้านอารมณ์ ทำให้สมองสั่งการเชื่องช้า แต่จากการบำบัดด้วยเสียงดนตรี ปรากฏว่าเด็กเหล่านี้มีการตอบสนองได้อย่างดียิ่ง

6.คนไข้โรคประสาท หมอโอลิเวอร์ แช็ค กล่าวว่า คนไข้ที่ได้รับความทรมานจนเป็นโรคประสาทร่างกายผิดปกติ ไม่สามารถพูดได้ เมื่อใช้ดนตรีบำบัดรักษาจะเคลื่อนไหวได้

7.ดนตรีช่วยให้คลายเคลียด นักจิตวิทยาชี้ว่า ผู้ป่วยร้อยละ 60-80 ที่มาพบแพทย์มีสาเหตุมาจากความเครียด และคนเราจะตอบสนองต่อความเครียดในแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในวัยเด็ก และพื้นฐานทางอารมณ์ของแต่ละคน อาจารย์พิชัย ปรัชญานุสรณ์ ได้กล่าวถึงการนำดนตรีมาคลายความเครียดว่าเป็นหลักการทางธรรมชาติที่ทำให้คนเราเกิดความสุขใจได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นผลลบต่อสุขภาพ

แอโรบิกเผาผลาญไขมัน ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน

วิธีการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่นำเอาท่าบริหารกายต่างๆผสมผสานกับทักษะการเคลื่อนไหวเบื้องต้น และจังหวะเต้นรำที่จะกระตุ้นให้หัวใจและปอดต้องทำงานมากขึ้นถึงจุดหนึ่ง ด้วยระยะเวลาที่นานเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นการสร้างบรรยากาศในการออกกำลังกายที่สนุกสนานรื่นเริงลืมความเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่ายได้ ทั้งยังสร้างความแข็งแรง ความทนทานของระบบกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนเลือด หัวใจและปอดได้ดีขึ้น ทำให้รูปร่างสมส่วนมีบุคลิกภาพที่ดี ควรทำสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15-60 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน

แอโรบิกจะเป็นการออกกำลังกายเกือบจะทุกสัดส่วน

เพราะว่ามันต้องเคลื่อนไหวตลอด เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายจะสูบฉีดเลือด ทำให้หัวใจทำงาน ช่วยเพิ่มเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจมากขึ้น ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น ลดอัตราการเต้นของหัวใจ เมื่ออยู่ในภาวะการออกกำลังกาย เมื่อกล้ามเนื้อเราแข็งแรง เราจะออกกำลังกายได้ดี ไม่ค่อยเหนื่อย ลองนึกถึงแรกๆ เราไปเต้นแอโรบิค เหนื่อยมากเต้นตามไม่ทันอีกต่างหาก พอเต้นไปสัก 1 อาทิตย์ ร่างกายเริ่มเข้าที่ เริ่มเหนื่อยช้าลง เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง ก็ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เพราะว่าหัวใจเราสูบฉีดแรงอยู่แล้ว เส้นเลือดต่างๆ ก็ไม่อุดตัน ความดันเลยปกติ

ประเภทของการเต้นแอโรบิก

1.การเต้นที่มีแรงกระแทกต่ำ (Low – impact aerobics dance) การเต้นที่มีแรงกระแทกต่ำ เป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะของการกระแทกระหว่างร่างกายกับพื้นที่มีบ้างเล็กน้อยหรือเกือบจะไม่มีเลย
2.การเต้นที่มีแรงกระแทกสูง (High – impact aerobics dance) การเต้นที่มีแรงกระแทกสูง เป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะของการกระแทกระหว่างร่างกายกับพื้นที่ค่อนข้างจะรุนแรง
3.การเต้นที่มีแรงกระแทกหลากหลาย (Multi – impact aerobics dance) การเต้นที่มีแรงกระแทกหลากหลายเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะของแรงกระแทกต่ำและแรงกระแทกสูงผสมกัน
4.การเต้นที่ปราศจากแรงกระแทก (No – impact aerobics dance) การเต้นแอโรบิกที่ปราศจากแรงกระแทก เป็นการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ไม่มีแรงกระแทกระหว่างร่างกายกับพื้น

ข้อควรระวังในการเต้นแอโรบิก

1)กล้ามเนื้อฉีกขาด ก่อนเต้นแอโรบิกทุกครั้งควรอบอุ่นร่างกายเสมอด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะออกกำลังกาย
2)ปวดข้อต่างๆ ก่อนอื่นต้องตรวจสอบสภาพร่างกายตัวเองว่าอยู่ในสภาพพร้อมหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องระบบของข้อต่อต่างๆ
3)ข้อเข่าเสื่อม ควรหลีกเลี่ยงท่าอันตรายต่างๆ ซึ่งท่าที่ไม่ควรนำมาเต้นแอโรบิก
4)จุกเสียด ไม่ควรดื่มน้ำในปริมาณมากเกินไป เมื่อรู้สึกเหนื่อยและกระหายน้ำควรจิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
5)หัวใจล้มเหลวกะทันหัน ไม่ควรดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีสารกาเฟอีนก่อนออกกำลังกาย